วิธีสร้าง sitemap.xml เข้าระบบ Google Sitemap

How to add Google Sitemap for your Website

วิธีการ Add/Submit ไฟล์ sitemap.xml เข้าระบบ Google Sitemap เพื่อทำให้เว็บไซต์ index ใน google search engine ภายใน 7 วัน

Add/Submit Google Sitemap สำหรับทำให้เว็บไซต์ติด index

1. สร้างไฟล์ sitemap ก่อน ไปที่เว็บ http://www.xml-sitemaps.com

2. กรอก URL เว็บไซต์ที่ต้องการเข้าไป แล้วกด Enter หรือ คลิกที่ปุ่ม Start หลังจากนั้นเว็บไซต์ก็จะสร้าง sitemap คอยนานหรือไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนหน้าเว็บไซต์

3. พอระบบมันสร้างไฟล์ sitemap.xml เสร็จ ให้คลิกลิงค์ของ Download un-compressed XML หรือ อันแรก สังเกตง่ายๆ ลงท้ายด้วย sitemap.xml ก็ให้คลิก และจะดาวน์โหลดไฟล์นี้ลงมาไว้ในเครื่องเรา

4. ให้ทำการอัพโหลดไฟล์ sitemap.xml เข้าไปไว้ที่ เว็บไซต์ของคุณ

5. ต่อไป ให้ไปที่ google sitemap

6. ถ้ายังไม่เคยสมัครใช้บริการ ให้คลิกที่ Create a Google Account ไม่จำเป็นต้องใช้ Gmail สมัครก็ได้ ใช้อีเมล์ yahoo, hotmail สมัครก็ใช้ได้ ถ้าเป็นสมาชิกอยู่แล้วให้ล็อกอินเข้าเว็บ Google sitemap ได้ทันที

7. แล้วก็ใส่ชื่อ URL ในช่อง Add Site: แล้วกดปุ่ม OK

8. ในหน้านี้ให้คลิกที่หัวข้อ Sitemaps

9. ในหน้านี้ ให้คลิกที่ Add a Sitemap

10. ในหน้านี้ ให้เลือก Add General Web Sitemap และ กรอกชื่อเว็บไซต์ที่เก็บ Sitemap ไว้ ในข้อ 3. My Sitemap URL is: ตัวอย่าง: http://YourWebsite.com/sitemap.xml และ กดปุ่ม Add Web Sitemap

11. ในหน้านี้ จะพบเครื่องหมายถูก และตามด้วยข้อความ
' You have added a Sitemap to http://YourWebsite.com/. Reports may take several hours to update. Thank you for your patience! '
ให้คลิกที่ My sites ใกล้ๆ กับ Logo Google

12. ในหน้าถัดมานี้ จะพบชื่อเว็บไซต์ที่คุณทำ Sitemap ให้คลิกที่ Verify

13. มาในหน้าถัดมานี้
13.1 เลือกเป็น Add a META Tag จะต้องเอา โค๊ดนี้ ไปแปะส่วนบนไฟล์ index.html (หรือ index.php) ใส่ไว้ระหว่างส่วน .....ตรงใหนก็ได้ เมื่อระบบ ค้นเจอ หน้าแรก เรามีโค๊ดนี้ ก็จะ verify เว็บผ่าน


เพียงเท่านี้ การทำ Sitemap ก็เสร็จแล้ว
' You've successfully verified http://YourWebsite.com/ '

สุดท้าย หลังจาก submit ไฟล์ sitemap เรียบร้อยแล้ว แสดงว่า google แค่อ่าน รายชื่อหน้าเว็บเพจของเราเท่านั้นที่เหลือ ยังมีอีก 2 ขั้นตอนที่เราจะต้อง รอ รอ รอ รอ แล้ว รอ อีก คือ
1. รอให้ google bot เข้ามาหา และเก็บข้อมูล (กินเวลา ประมาณ 2-3 วัน)
2. รอให้ google ประมวลผล ใหม่ และเอาเว้บไซท์เราเข้าไป (กินเวลาประมาณ 7-14 วัน)
3. รอให้ค้นเจอ หรือแสดงผล (กินเวลา 30 วัน - 60 วัน)

ทำไมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึงกลายเป็นสโมสรฟุตบอลที่รวยที่สุดในโลก

0

Posted by admin | Posted in | Posted on 02:44

มีคำถามว่า ทำไมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึงกลายเป็นสโมสรฟุตบอลที่รวยที่สุดในโลก...คำตอบก็คือ นอกจากผลงานความสำเร็จของทีมตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมา กลยุทธ์การทำมาร์เก็ตติ้งของทีม ถือเป็นโมเดลที่หลายๆ สโมสรฟุตบอลทั่วโลก ต่างพยายามเจริญรอยตามกัน
การตลาดสร้างความยิ่งใหญ่
สโมสรแมนฯยู ครองอันดับรวยที่สุดในโลกติดต่อมา 8 ปี เพิ่งจะเสียแชมป์ ให้ รีล มาดริด จากสเปน เมื่อปี 2005 เพียงปีเดียว ได้กลับมาทวงคืนแชมป์ได้ในปี 2006 โดยวัดจากมูลค่าสโมสรมีมากถึง 1,453 เหรียญสหรัฐ หรือ 4.6 หมื่นล้านบาท แซงรีล แมดริดที่มีมูลค่า 1,036 ล้านเหรียญฯไปอย่างขาดลอย โดยแมนยูฯสามารถทำรายได้ 310 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1 หมื่นล้านบาท
ความรวยแบบก้าวกระโดดของแมนฯยูเริ่มขึ้นเมื่อ 17 ปีก่อน เปิดฉากด้วยการนำสโมสรเข้าตลาดหุ้นเป็นแห่งแรกในอังกฤษเมื่อปี 1991 ทำให้สามารถระดมทุนได้มาก จากนั้นจึงแตกไลน์ธุรกิจอื่นๆ ที่ใช้ประโยชน์จากแบรนด์ความเป็นปิศาจแดง หรือที่ทั่วโลกเรียกว่า พวก Red Devil ที่โยงกับกลุ่มแฟนคลับนับล้าน เช่นธุรกิจบัตรเช่าซื้อผ่อนสินค้า Man U. Leasing ทำเงินจากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
ในปี 1998 การขับเคลื่อนการผลิตสื่อมีเดียของสโมสร ด้วยการเปิดธุรกิจเคเบิลทีวี 24 ชั่วโมงคือ MUTV สื่อเต็มรูปแบบทั้งในอังกฤษและยิงขึ้นดาวเทียมไปทั่วโลก ได้ทั้งเงินจากโฆษณาและได้ทั้งสร้างแบรนด์ให้แกร่งขึ้นอีกด้วยการถ่ายทอดสด เทปการแข่งขันเก่าๆ ตำนานซูเปอร์สตาร์ ชีวิตนักเตะดังปัจจุบัน ฯลฯ
โมเดลการขยายตลาดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นับเป็นทีมแรกๆ ที่ขยายตลาดอย่างจริงจังไปทั่วโลก เปิดหน้าร้านขายเสื้อ หมวก ถ้วย พวงกุญแจ เทปการแข่งขัน ไปทั่วโลกโดยเฉพาะอเมริกาและเอเชีย เช่นในอเมริกานั้นก็ไปร่วมดีลกับทีมเบสบอลยักษ์ใหญ่ Newyork Yankees ในปี 2001 ที่นอกจากจะแบ่งข้อมูลการตลาดกับรายชื่อสมาชิกกัน ยังแบ่งปันสปอนเซอร์ให้กันเพื่อผลทางการโฆษณาที่กว้างขึ้นและแน่นอนว่าเก็บเงินจากเอเจนซี่หรือเจ้าของสินค้าได้มากขึ้นด้วย
วิธีการบุกตลาดโลกสร้างรายได้ที่ผ่านมา ล้วนเป็นผลงานของ ปีเตอร์ เคนยอน ประธานบริหารคนเก่าของแมนยูฯที่ทำให้ โรมัน อับราโมวิช ทุ่มดึงตัวไปบริหารเชลซีเมื่อปี 2004 ก็เพราะหวังจะ “รวยอินเตอร์” ตามรอยแมนฯยูบ้างนั่นเอง
นอกจากนี้ปัจจัยสำคัญคือแมนฯยูนั้นมีสนามที่ใหญ่ที่สุด จุคนได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกก็คือ สนาม Old Trafford ซึ่งล่าสุดจุได้ 76,000 แล้ว ซึ่งการขยายครั้งล่าสุดในปี 2006 นั้นต่อเติมไปอีก 8 พันที่นั่ง และหนึ่งในสามเป็นที่นั่งชั้นระดับ Executive ที่แพงระยับสำหรับผู้ชมระดับบน เรียกว่าสร้างรายได้ให้กับสโมสรมากมายมหาศาล
การพัฒนาสนามฟุตบอล เป็นกลยุทธ์สำคัญของแมนฯยู จึงมีแผนการต่อเติมขยายสนามแทบจะทุกปี เพราะรายได้สัดส่วนมากที่สุดลำดับแรกๆ ก็คือรายได้ค่าตั๋ว และเป็นตัวกำหนดบรรยากาศในสนามว่าจะมันส์หรือจะกร่อยด้วย
อย่างไรก็ดี จะไปไม่ถึงเป้าหมายเลย ถ้าทีมไม่มีผลงานที่โดดเด่นในสนาม พร้อมๆ กับการก่อเกิดซูเปอร์สตาร์ของทีม ตั้งแต่ปี 1991 แมนฯยู ประเดิมเส้นทางความสำเร็จด้วยแชมป์บอลถ้วยยุโรป Cup Winner’s Cup ในปี 1992 จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในยุคของพ่อมด ไรอัน กิ๊กส์ (Ryan Giggs) และเอริค คอนโตนา (Eric Cantona) สตาร์ฝรั่งเศสที่โด่งดังและมีเสน่ห์
ก่อนที่จะมาถึงยุคของเดวิด เบคแฮม (David Beckham) ที่พาแมนฯยูดังสุดๆ ไปทั่วโลกและขยายตลาดไปสู่กลุ่มแฟนบอลสาวๆ และทีมก็ก้าวถึงจุดสุดยอดได้ 3 แชมป์หรือ Tripple Champ ในปี 1999 คือแชมป์พรีเมียร์ลีก แชมป์เอฟเอคัพ และแชมป์ยุโรป ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ในปีเดียว และจนถึงทุกวันนี้แมนยูก็เป็นหนึ่งใน “เต็งแชมป์” ทุกถ้วยและทุกปีกับสตาร์รุ่นใหม่อย่าง เวย์น รูนี่ ย์ และ คริสเตียโน โรนัลโด้
แมนฯยูนั้นก้าวขึ้นมาโดดเด่นได้ถูกจังหวะ คือหลังปี 1991 ซึ่งเป็นยุคที่ธุรกิจฟุตบอลขยายตัวแบบก้าวกระโดดและไปกว้างทั่วโลก ในขณะที่ลิเวอร์พูลที่ยิ่งใหญ่มาก่อนและนานกว่าคือในทศวรรษที่ 70 และ 80 นั้น ฟุตบอลยังอยู่แค่ในโลกของฟุตบอลยังไม่เป็นโลกธุรกิจเต็มตัว
ฝ่าแรงต้านเทกโอเวอร์...
มาสู่ยุคเปลี่ยนมือของแมนฯยู ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ในหลายๆ ดีลการขายสโมสร ทุนใหม่ที่เข้ามาได้เข้าช่วยแก้ปัญหาหรือพัฒนาในสิ่งที่ทีมกำลังขาด เช่นมาล้างหนี้ มาสร้างสนามใหม่ ให้เงินซื้อดารานักเตะดัง แฟนๆ จึงเปิดใจยอมรับ แต่กับทีมที่เพียบพร้อมอยู่แล้วและฐานะการเงินก็ไร้ปัญหาอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อมัลคอล์ม เกลเซอร์ เศรษฐีอเมริกันเข้ามาซื้อกิจการในปี 2005 จึงต้องฝ่าแรงต่อต้านจากแฟนๆ ที่รุนแรง แต่สุดท้ายผลงานในสนามก็ช่วยให้เขาพ้นมรสุมนั้นมาได้
การเข้าซื้อทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของเศรษฐีอเมริกันเมื่อสองปีก่อนนั้น สื่อ นักวิเคราะห์ และเหล่าแฟนบอลต่างพากันมองว่า แม้เขาจะเป็นเจ้าของทีมอเมริกันฟุตบอลเทมป้าเบย์ บัคคาเนียร์ในสหรัฐฯมานาน แต่ก็ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับฟุตบอล ไม่มีแผนพัฒนาทีมแมนฯยู จึงสรุปกันว่าเกลเซอร์เข้ามาเพื่อหากำไรจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดล้วนๆ และจะไม่สนใจความรู้สึกแฟนบอลและไม่นำพาต่อประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของสโมสร
ที่สำคัญ เกลเซอร์ไม่ได้ใช้เงินของตัวเองทั้งหมด เขากู้เงินในนามส่วนตัวมาไม่น้อยเพื่อซื้อสโมสรจนได้เป็นหุ้นใหญ่หนึ่งเดียว แล้วหลังจากนั้นก็โอนหนี้ดังกล่าวเข้ามาเป็นภาระของแมนฯยูแทน
ความกลัวต่างๆ ได้ถูกแจกแจงเป็นหลายประเด็นลงในสื่อต่างๆ เช่นกลัวว่าตั๋วจะขึ้นราคา, กลัวว่าชื่อสนามจะถูกเปลี่ยนจาก Old Trafford เป็น “Nike Stadium” เพื่อหาเงินให้ได้มากขึ้น, กลัวสโมสรจะขายนักฟุตบอลดีๆ ออกไปหมดเพื่อล้างหนี้ที่โอนมาจากหนี้ส่วนตัวของเกลเซอร์ ฯลฯ
เกลเซอร์ไม่สนใจกระแสประท้วงนัก เขาตั้งลูกชายสองคนเข้ามาบริหารสโมสรต่อไป คือ โจเอล เกลเซอร์ เป็นประธานบริหารโดยมี เอวี เกลเซอร์ ลูกชายอีกคนเป็นผู้ช่วย ซึ่งรูปแบบนี้เองในปีนี้ก็เกิดขึ้นกับอีกสโมสรร่วมเมืองคือแมนเชสเตอร์ซิตี้ ที่มี พานทองแท้ ชินวัตร เป็นประธานบริหารคนใหม่ และมีพิณทองทา ชินวัตร เป็นเบอร์รองคอยช่วยงาน
กระแสประท้วงช่วงปี 2005 ถูกแสดงออกมาด้วยม็อบ การเผาตั๋วปีหน้าสนาม การชูป้ายในสนาม ร้อนถึงผู้จัดการทีมจอมเก๋าอย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องออกมาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยโดยการันตีกับแฟนบอลว่าเขาเชื่อมั่นในการบริหารของครอบครัวเกลเซอร์ ซึ่งในที่สุดเกลเซอร์แทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงทีมมากนัก ยกเว้นการขึ้นค่าตั๋วเพียงไม่กี่ % เท่านั้น โดยยกเรื่องในสนามให้เป็นหน้าที่ของเซอร์อเล็กซ์ทั้งหมด
หลังจากนั้นปีกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็สร้างผลงานเข้าตาแฟนบอลด้วยฟอร์มการเล่นที่ดุดัน นักฟุตบอลรุ่นใหม่ที่ลีลาการเล่นเร้าใจอย่าง “จอมสับขาหลอก” คริสเตียโน่ โรนัลโด้ , “ไอ้หนูมหัศจรรย์” เวย์น รูนี่ย์ และกองกลางจอมขยันจากเกาหลีใต้ ปาร์ค จีซอง ที่นอกจากจะเล่นดี ยังสร้างรายได้จากยอดขายเสื้อทีมและสินค้าแมนฯยูทั้งหลายในเกาหลีใต้ได้เป็นกอบเป็นกำ
ทุกวันนี้เสียงต้านจากแฟนบอลเงียบหายไปแล้ว เมื่อแมนฯยู ทำผลงานได้ถึงแชมป์พรีเมียร์ลีกและเกือบได้เข้าชิงแชมป์ยุโรปในยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ชาวเมืองแมนเชสเตอร์ต่างหากันไปสนใจข่าวใหม่ของทีมเสื้อฟ้าร่วมเมืองเดียวกันคือสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ ว่าเจ้าของใหม่อย่างทักษิณจะเจอกระแสต้านหรือแรงเชียร์ต่อไปในฤดูกาลนี้
สถิติสูงสุดรายได้ค่าสปอนเซอร์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำสถิติได้เงินจากบริษัทประกัน AIG ในการโฆษณาทั้งบนอกเสื้อและป้ายบนสนามถึง 56.5 ล้านปอนด์ ในสัญญา 4 ปี (2006 ถึง 2010) แบ่งจ่ายปีละ14.1 ล้านปอนด์ หรือ 987 ล้านบาท ถือเป็นรายได้อย่างมหาศาลทำสถิติสูงสุดในเกาอังกฤษ
นอกจากนี้แมนฯยูยังได้ค่าโฆษณาจาก Nike ให้นักกีฬาและสตาฟฟ์โค้ชใส่ (Official Sportswear) เป็นเงินถึง 302 ล้านปอนด์ ตลอด 13 ปี หรือปีละ 23.2 ล้านปอนด์ หรือ 1,600 ล้านบาทต่อปี เป็นสถิติสูงสุดในโลกกับค่าโฆษณาผ่านชุดกีฬา

อันดับนักฟุตบอลที่มีรายได้มากที่สุดในโลกในปี2007-2008

0

Posted by admin | Posted in | Posted on 02:33

อันดับนักฟุตบอลที่มีรายได้มากที่สุดในโลก
นักเตะ................ต่อเดือน................ต่อปี
  • 1. ริคาร์โก้ กาก้า (เอซี มิลาน)....750,000 ยูโร (ประมาณ 36.7 ล้านบาท)...9 ล้านยูโร (ประมาณ 441 ล้านบาท)
  • 2. โรนัลดินโญ่ (บาร์เซโลน่า)....710,000 ยูโร (ประมาณ 34.7 ล้านบาท)....8.52 ล้านยูโร (ประมาณ 417 ล้านบาท)
  • 3. แฟร้งค์ แลมพาร์ด (เชลซี).....680,000 ยูโร (ประมาณ 33.3 ล้านบาท)...8.16 ล้านยูโร (ประมาณ 399 ล้านบาท)
  • 4. จอห์น เทอร์รี่ (เชลซี)...680,000 ยูโร (ประมาณ 33.3 ล้านบาท)....8.16 ล้านยูโร (ประมาณ 399 ล้านบาท)
  • 5. เฟร์นานโด ตอร์เรส (ลิเวอร์พูล)...660,000 ยูโร (ประมาณ 32.3 ล้านบาท)..7.92 ล้านยูโร (ประมาณ 388 ล้านบาท)
  • 6. อังเดร เชฟเชนโก้ (เชลซี )....650,000 ยูโร (ประมาณ 31.8 ล้านบาท)...7.8 ล้านยูโร (ประมาณ 382 ล้านบาท)
  • 7. มิชาเอล บัลลัค (เชลซี )....650,000 ยูโร (ประมาณ 31.8 ล้านบาท)...7.8 ล้านยูโร (ประมาณ 382 ล้านบาท)
  • 8. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (แมนฯยูไนเต็ด)...640,000 ยูโร (ประมาณ 31.3 ล้านบาท).... 7.68 ล้านยูโร (ประมาณ 376 ล้านบาท)
  • 9. เธียร์รี่ อองรี (บาร์เซโลน่า)....640,000 ยูโร (ประมาณ 31.3 ล้านบาท)...7.68 ล้านยูโร (ประมาณ 376 ล้านบาท)
  • 10. สตีเว่น เจอร์ราร์ด (ลิเวอร์พูล )...640,000 ยูโร (ประมาณ 31.3 ล้านบาท)..7.68 ล้านยูโร (ประมาณ 376 ล้านบาท)
  • 11. ดิดีเย่ร์ ดร็อกบา (เชลซี)...615,000 ยูโร (ประมาณ 30.1 ล้านบาท)..7.38 ล้านยูโร (ประมาณ 361 ล้านบาท)
  • 12.เวย์น รูนี่ย์ (แมนฯยูไนเต็ด)...610,000 ยูโร (ประมาณ 29.8 ล้านบาท)...7.32 ล้านยูโร (ประมาณ 358 ล้านบาท)
  • 13. อิเคร์ กาซิยาส (เรอัล มาดริด)....600,000 ยูโร (ประมาณ 29.4 ล้านบาท)...7.2 ล้านยูโร (ประมาณ 352 ล้านบาท)
  • 14. ไมเคิ่ล โอเว่น (นิวคาสเซิ่ล)....560,000 ยูโร (ประมาณ 27.4 ล้านบาท)...6.72 ล้านยูโร (ประมาณ 329 ล้านบาท)
  • 15. โซล แคมป์เบลล์ (พอร์ทสมัธ)...550,000 ยูโร (ประมาณ 26.9 ล้านบาท)...6.6 ล้านยูโร (ประมาณ 323 ล้านบาท)
  • 16. ราอูล กอนซาเลซ (เรอัล มาดริด)....535,000 ยูโร (ประมาณ 26.2 ล้านบาท)....6.42 ล้านยูโร (ประมาณ 314 ล้านบาท)
  • 17. รุด ฟาน นิสเตลรอย (เรอัล มาดริด)....535,000 ยูโร (ประมาณ 26.2 ล้านบาท)....6.42 ล้านยูโร (ประมาณ 314 ล้านบาท)
  • 18. ริโอ เฟอร์ดินานด์ (แมนฯยูไนเต็ด)....535,000 ยูโร (ประมาณ 26.2 ล้านบาท)....6.42 ล้านยูโร (ประมาณ 314 ล้านบาท)
  • 19. ดาร์เรน เบนท์ (สเปอร์ส)...495,000 ยูโร (ประมาณ 24.2 ล้านบาท)...5.94 ล้านยูโร (ประมาณ 291 ล้านบาท)
  • 20. คาร์ลอส เตเวซ (แมนฯยูไนเต็ด)....490,000 ยูโร (ประมาณ 24 ล้านบาท)....5.88 ล้านยูโร (ประมาณ 288 ล้านบาท)
    อ้างอิง (
    http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=39&post_id=21591)
  • 10 สุดยอด!! รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก .oxu2008

    0

    Posted by admin | Posted in | Posted on 02:18

    10 อันดับร๔ยนต์ที่แพงที่สุดในโลกคุนคิดผิดแล้วที่ฟอรารี่แพงที่สุดดูเอาจะหรูหรา ไฮโซ ขนาดไหน ตามไปดูกันเลยยครับ
    เริ่มกันที่อันดับ 10
    No.10 is The Aston Martin V12 Vanquish ราคาอยู่ที่ประมาณ $255,000 หรือประมาณ 8,925,000฿
    The Aston Martin V12 Vanquish is a supercar manufactured by Aston Martin since 2001. It rose to fame after being featured as the official James Bond car in Die Another Day, the twentieth James Bond film. In the film, the Vanquish has the usual Bond film embellishments, including active camouflage which rendered the vehicle virtually invisible. The Vanquish is powered by a 5.9 L (5935 cc) 48-valve 60° V12 engine, which produces 343 kW (460 hp) and 542 N•m (400 ft•lbf) of torque. It is controlled by a fly-by-wire throttle and a 6 speed 'paddle shift' or semi-automatic transmission. A special V12 Vanquish S debuted at the 2004 Paris Auto Show with the power upped to 388 kW (520 hp) and 577 N•m (426 ft•lbf).
    แอสตัน มารติน V12 Vanquish เป็นรถ Super car ที่ผลิตโดยบริษัท แอสตัน มาร์ติน รถคันนี้เป็นรถของ James bond ในภาค Die another day ด้วยนะครับ เรามาดูรายละเอียดของเจ้า V12 Vanquish กันซักนิด ขุมพลังของเจ้าคันนี้คือ เครื่อง V12 ขนาด 5.9 ลิตร หรือประมาณ 5935 ซีซี แรงม้าอยูที่ 460 แรงม้า เกียร์ 6 speed ควบคุมด้วยระบบ digital



    มาต่อกันที่อันดับ 9
    No.9 is Lamborghini Murcielago ราคาประมาณ $279,900 หรือประมาณ 9,796,500฿
    The Lamborghini Murciélago is a GT and supercar automobile made by Automobili Lamborghini S.p.A. and designed by Luc Donckerwolke. It was introduced in 2002 as the successor to the Diablo. The body style is a two door, two seat coupé. The LP640 version was introduced at the Geneva Motor Show in March of 2006. It features a 6.5 L engine, now producing 640 bhp, improving performance substantially. There were also a few minor external changes, primarily to the low air intakes.
    แลมโบกินี Murcielago ผลิตโดย บริษัท Automobili Lamborghini S.p.A. และออกแบบโดย Luc Donckerwolke เจ้ารถคันนี้ถูกเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2002 เป็นรถGT และ Super Car มี 2 ประตู และ 2 ที่นั่ง ส่วน ขุมพลังของเจ้านี่คือ เครื่องยนต์ 6.5 L แรงม้า 640 แรงม้า



    อันดับ 8
    No.8 is Rolls-Royce Phantom ราคาประมาณ $320,000 หรือประมาณ 11,200,000฿
    The Rolls-Royce Phantom is a luxury saloon automobile made by Rolls-Royce Motor Cars, a BMW subsidiary. It was launched in 2003 and is the first Rolls-Royce model made under the ownership of BMW. It has a 6.8 L, 48-valve, V12 engine that produces 453 hp (338 kW) and 531 ft•lbf (720 N•m) of torque. The engine is derived from BMW's existing V12 powerplant. It is 1.63 m (63 in) tall, 1.99 m (74.8 in) wide, 5.83 m (228 in) long, and weighs 2485 kg (5478 lb). The body of the car is built on an aluminium spaceframe and the Phantom can accelerate to 60 mph (100 km/h) in 5.7 s.
    โรลส ลอยด์ แฟนท่อม เป็นรถยนต์สุดหรู ที่ผลิตขึ้นโดย บริษัท Rolls-Royce Motor Cars ซึ่งตอนนี้เป็นบริษัทลูกของค่ายยักษ์ใหญ่จากเยอรมัน นั่นก็คือ BMW เจ้าแฟนท่อมคันนี้เปิดตัวในปี 2003 และถือว่าเป็นรุ่นแรกของ Rolls-Royce ที่เปิดตัวหลังจากโดน BMW เข้ามาบริหาร ขุมพลังของเจ้าแฟนท่อม คือ เครื่อง V12 6.8 ลิตร ให้แรงม้าที่ 453 แรงม้า ตัวรถทำมาจาก อลูมิเนียม อัตราเร่งที่ 0-100 kph อยู่ที่ 5.7 วินาที เห็นรูปทรงอย่างนี้แต่แรงไม่ใช่เล่น



    อันดับ 7
    No.7 is Maybach 62 ราคาอยู่ประมาณ $385,250 หรือประมาณ 13,483,750฿
    The Maybach 57 and 62 were the first automobile models of the Maybach brand since the brand's revival by DaimlerChrysler. They are derived from the Mercedes-Benz Maybach concept car presented at the 1997 Tokyo Motorshow (which was based on the Mercedes-Benz S-Class sedan). DaimlerChrysler attempted to buy the Rolls-Royce/Bentley marque when Vickers offered the company up for sale. When this attempt failed (they were outbid by BMW and Volkswagen respectively) they introduced the Maybach as a direct challenger in 2002. Both models are variants of the same ultra-luxurious automobile. The model numbers reflect the respective lengths of the automobiles in decimetres; the 57 is more likely to be owner-driven while the longer 62 is designed with a chauffeur in mind. The engine is a Mercedes-sourced 5.5-liter twin-turbo V12, generating 550 hp.
    เมย์บัคเป็นรถที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย เมอร์ซิเดสเบนซ์ จริงๆแล้วตอนแรก เมอร์ซิเดสเบนซ์ มีความพยายามที่จะไปซื้อต่อกิจการของ Rolls-Royce Bentley แต่ไม่สามารถซื้อได้ จึงได้คิดค้นแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา โดยเจ้าเมย์บัคถทอว่าเป็นรถระดับ Hi-class ส่วนเมย์บัค 62 เป็นรถที่ถูกพัฒนามาจาก Mercedes-Benz Maybach ที่เปิดตัวเมื่อปี 1997 ในงาน โตเกียวมอเตอร์เอกซ์โป ประเทศ ญี่ปุ่น เครื่องยนต์ของมันคือ V12 5.5 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้แรงม้าอยู่ที่ 550 แรงม้า



    อันดับ 6
    No.6 is Mercedes SLR McLaren ราคาประมาณ $455,500 หรือประมาณ 15,942,500฿
    The Mercedes-Benz SLR McLaren is a sports car and supercar automobile co-developed by DaimlerChrysler and McLaren Cars. It is assembled at the McLaren Technology Centre in Woking, England. Most people presume "SLR" to stand for "Sportlich, Leicht, Rennsport" (German for "Sport; Light; Racing"). The car's base price is £300,000 or $455,500. The SLR has a supercharged 5.5 (5439cc) litre dry sumped 90 degree V8. It produces 466.8 kW at 6500rpm (626 hp) and 780 N•m (575 ft•lbf) torque at 3250 - 5000 rpm.
    เมอรซิเดสเบนซ์ SLR Mclaren เป็นรถสปอรต์ที่พัฒนาโดย DaimlerChrysler และ McLaren Cars ในประเทศอังกฤษ บางคนบอกว่าคำว่า SLR นั้นย่อมาจาก "Sportlich, Leicht, Rennsport" หรือ "Sport; Light; Racing" เครื่องยนต์ของเจ้าตัวนี้เป็นเครื่อง V8 supercharged 5.5 ลิตร หรือประมาณ 5439 ซีซี ให้แรงม้าที่ 626 แรงม้า



    อันดับที่ 5
    No.5 is Porsche Carrera GT ราคาประมาณ $484,000 หรือประมาณ 16,940,000
    The Porsche Carrera GT is a supercar, manufactured by Porsche of Germany. The Carrera GT is powered by an all-new 5.7 litre V10 engine producing 612 SAE horsepower (450 kW). Porsche claims it will accelerate from 0 to 100 km/h (62.5 mph) in 3.9 seconds and has a maximum speed of 330 km/h (206 mph), although road tests indicated that in actuality the car could accelerate from 0-60 in under 3.5 seconds and to 0-100 in 6.8 seconds and has a top speed of 335-340km/h (209-212.5mph).
    พอช คาเรร่า จีที เป็นรถ Supercar ที่ผลิตโดย พอส ประเทศ เยอรมันนี รถคันนี้ใช้เครื่องยนต์ที่ออกแบบมาใหม่ คือ V10 5.7 ลิตร ให้แรงม้าที่ 612 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-60 kph อยู่ที่ 3.5 วินาที ส่วน 0-100 Kph อยู่ที่ 6.8 วินาที ความดร็วสูงสุดทำได้ 335-340 Km/h



    อันดับ 4
    No.4 is Koenigsegg CCX ราคาประมาณ $600,910 หรือประมาณ 21,031,850
    The Koenigsegg CCX is the latest supercar from Koenigsegg. CCX is an abbreviation for Competition Coupe X. The X commemorates the 10th anniversary of the completion and test drive of the first CC vehicle in 1996. The CCX is intended to be more suitable for the U.S. market and thus engineered to comply with US regulations. The CCX is powered by a Koenigsegg designed and assembled, all aluminium, 4700 cm³ DOHC 32-valve V8 based on the Ford Modular engine architecture enhanced with twin Rotrex centrifugal superchargers with response system, 1.2 bar boost pressure and an 8.2:1 compression ratio. The engine produces 806 hp (601 kW) and 678 lbf.ft (920 Nm) on 91 octane (U.S. rating) gasoline, 850 hp (634 kW) on 96 octane (Euro rating) gasoline and 900 hp (671 kW) on biofuel.
    The Koenigsegg CCX เป็นรถรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Koenigsegg คนไทยอาจจะไม่คุ้นชื่อนี่นัก เพราะว่าส่วนใหญ่รถยี่ห้อนี่จะมีอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวถังทั้งหมดเป็นอลูมิเนียม เครื่องยนต์ V8 twin Rotrex เครื่องยนต์ ในส่วนของแรงม้านั้น ก็จะแตกต่างกันไปตามน้ำมันที่ใช้ ดังนี้ 806 hp on 91 octane (U.S. rating) gasoline, 850 hpon 96 octane (Euro rating) gasoline and 900 hp on biofuel



    อันดับที่ 3
    No.3 is Pagani Zonda C12 F ราคาประมาณ $741,000 หรือประมาณ 25,935,000 ฿
    The Zonda C12 F debuted at the 2005 Geneva Motor Show. It is the most extensive reengineering of the Pagani car yet, though it shares much with its predecessors including the 7.3 L V12. Power is increased to 602 PS (443 kW/594 hp) with a special clubsport model producing 650 PS (478 kW/641 hp). The company promises a 3.2 second sprint to 60 mph (97 km/h, a top speed over 374 km/h (225 mph) and it will be the queen in braking from 300 km/h to 0 (186 mph to 0). The Zonda F clubsport has a power to weight ratio of 521 bhp/ton (384 W/kg) . Compare, for example, the Enzo Ferrari which has a power to weight ratio of 483 bhp/ton (356 W/kg).
    พากานี่ ซอนด้า เปิดตัวครั้งแรกในงาน เจนีว่า มอเตอร์โชว์ ขึ้นชื่อว่าเป็นที่สุดในด้านความเร็ว ด้วยเครื่องยนต์ V.12 7.3 ลิตร มีแรงม้าถึง 641 แรงม้า ใช้เวลาในการเร่งจาก 0-100 Kph ด้วยเวลาเพียง 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 374 Kmh นอกจากความสามารถในเรื่องความเร็วนั้น พากานี่ ซอนด้า ยังเป็นที่สุดในเรื่องของระบบเบรกอีกด้วย



    อันดับที่ 2
    No.2 is Ferrari Enzo ราคาประมาณ $1,000,000 หรือประมาณ 35,000,000
    The Enzo Ferrari, sometimes referred to as the the Ferrari Enzo and also F60 is a 12-cylinder Ferrari supercar named after the company's founder, Enzo Ferrari. It was built in 2003 using Formula One technology, such as a carbon-fiber body, F1-style sequential shift transmission, and carbon-ceramic brake discs. Also used are technologies not allowed in F1 such as active aerodynamics. After a maximum downforce of 1709 pounds (775 kg) is reached at 186 mph (301 km/h) the rear spoiler is actuated by computer to maintain that downforce.
    เฟอรารี่ เอนโซ่ ถูกสร้างขึ้นในปี 2003 โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับ รถแข่ง Formula-1 (F-1) เช่น ตัวถังเป็น คาร์บอน ไฟเปอร์ ระบบการเปลี่ยนเกียร์แบบรถ F-1 จานเบรคทำมาจาก คาร์บอน เซรามิก และสิ่งที่เป็นไฮไลท์ของเจ้า เฟอรารี่ เอนโซ่ตัวนี้ก็คือ เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วสูง Spoiler ข้างหลังจะถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อให้ได้แรงกดที่พอเหมาะ



    และแล้วก็มาถึงกับอันดับ 1 .......
    .
    .
    รถคันไหนจะได้เป็นที่สุดของความแพง
    .
    .
    มาดูกันเลยครับ
    อันดับ 1 ได้แก่ Bugatti Veyron สนนราคาอยู่ที่ $1,700,000 หรือประมาณ 59,500,000฿
    The Bugatti Veyron 16.4 is the most powerful, most expensive, and fastest street-legal production car in the world, with a proven top speed of over 400 km/h (407 km/h or 253 mph). It reached full production in September 2005. The car is built by Volkswagen AG subsidiary Bugatti Automobiles SAS and is sold under the legendary Bugatti marque. It is named after racing driver Pierre Veyron, who won the 24 hours of Le Mans in 1939 while racing for the original Bugatti firm. The Veyron features a W16 engine—16 cylinders in 4 banks of 4 cylinders.
    บูกาติ เวย์รอน 16.4 สุดยอดยนตกรรมที่ แรงที่าุด เร็วที่สุด แพงที่สุด ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 400 Kmh ผลิตครั้งแรกเมื่อ กันยายน 2005 โดยผู้ผลิตคือ Volkswagen AG ซึ่งเป็นเครือของ Bugatti Automobiles SAS ในส่วนของชื่อรุ่น เวย์รอนนั้น ได้แรงบันดาลใจมากจาก Pierre Veyron ซึ่งเป็นตำนานนักแข่งที่อยู่ในสังกัดของ บูกาติ



    ราคาที่ผมคิดใช้เรท 35 บาทต่อ 1 ดอลลาร์นะครับ ถ้ารถเหล่านี้เข้าไทยแล้วละก็ต้องเจอบวกภาษีอีกเข้าไปอีก 200 % นั่นหมายถึงจะแพงกว่านี้ 3 เท่าถ้าเข้า ไทย!!!!!!

    มาดูโฉมหน้าคนที่รวยที่สุดกันครับมีใตรบ้างจากทั่วโลก

    0

    Posted by admin | Posted in | Posted on 02:06

    10 อันดับคนรวยที่สุดในโลก

         Bill Gates ตกบังลังก์ผู้ที่รวยที่สุดในโลก ในที่สุดก็มีผู้พิชิตเอาสถิติใหม่ไปครอง ด้วย ทรัพย์สินจำนวน $62 Billion! (62 พันล้านเหรียญสหรัฐ) โดยเขาเป็น CEO ของ Berkshire Hathaway เขามีนามว่า Warren Buffet วัย 77 ปี ชาวอเมริกัน ในขณะที่ Bill Gates วัย 52 ปี ตกลงมาอยู่ที่อันดับ 3 ของโลกไปแล้วคับ เป็นเพียง 1 ใน 2 คนชาวอเมริกัน ที่ติดอันดับ 1-10 ของโลก

    1. Warren Buffett วัย 77 ปี ชาว สหรัฐอเมริกา ทรัพย์สิน 62 พันล้านเหรียญสหรัฐ CEO Berkshire Hathaway

    2. Carlos Slim Helu' และครอบครัว วัย 68 ปี ชาว เม็กซิโก ทรัพย์สิน 60 พันล้านเหรียญสหรัฐ CEO Telecom industry

    3. Bill Gates วัย 52 ปี ชาว สหรัฐอเมริกา ทรัพย์สิน 58 พันล้านเหรียญสหรัฐ co-founders of Microsoft

    4. Lakshmi Mittal วัย 57 ปี ชาว อินเดีย ทรัพย์สิน 45 พันล้านเหรียญสหรัฐ CEO อุตสาหกรรมด้านโลหะ

    5. Mukesh Ambani วัย 50 ปี ชาว อินเดีย ทรัพย์สิน 43 พันล้านเหรียญสหรัฐ CEO ของ Petrochemicals

    6. Anil Ambani วัย 48 ปี ชาว อินเดีย ทรัพย์สิน 42 พันล้านเหรียญสหรัฐ CEO ของ Diversified investmenst

    7. Ingvar Kamprad และครอบครัว วัย 81 ปี ชาว สวีเดน ทรัพย์สิน 31 พันล้านเหรียญสหรัฐ CEO ของ Ikea

    8. K.P. Singh วัย 76 ปี ชาว อินเดีย ทรัพย์สิน 30 พันล้านเหรียญสหรัฐ CEO ของ Real Estate

    9. Oleg Deripaska วัย 40 ปี ชาว รัสเซีย ทรัพย์สิน 28 พันล้านเหรียญสหรัฐ CEO ของอุตสาหกรรมด้านอลูมีเนียม

    10. Karl Albrecht วัย 88 ปี ชาว เยอรมันนี ทรัพย์สิน 27 พันล้านเหรียญสหรัฐ เจ้าของ Aldi supermarkets

     

    อ่างอิงข้อมูลจากเว็บนี้ครับhttp://www.forbes.com/lists/2007/10/07billionaires_The-Worlds-Billionaires_Rank.html

    ไปดูสิ่งของที่แพงที่สุดในโลกกัน ว่ามีอะไรกันบ้าง ใช่ที่เราคิดไว้หรือเปล่านะ

    0

    Posted by admin | Posted in | Posted on 01:56

    เรามาไปดูสิ่งของที่แพงที่สุดในโลกกัน ว่ามีอะไรกันบ้าง ใช่ที่เราคิดไว้หรือเปล่านะ
    เริ่มจากบ้านที่แพงที่สุดก่อน

    บ้านนี้ตั้งอยู่ในสวนของ Kensington Palace ใน London ตะวันตกค่ะ

    มีทั้งหมด 12 ห้องนอน เจ้าของคือ เศรษฐีค้าเหล็ก ชาวอินเดีย

    ชื่อว่า Lakshmi Mittal, ด้วยราคา US$128.3 ล้าน ซึ่งเป็นบ้านที่

    มีราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ของ Guiness Book ด้วย

    ต่อด้วยรถขับเคลื่อนบนท้องถนนที่แพงที่สุดในโลก

    Pagani Zonda F

    เป็นรถที่มีความโค้งมนอย่างลงตัว เปิดตัวครั้งแรกที่ Geneva Autoshow 

    ประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ค่ะ รถคันนี้ใช้เครื่อง Mercedes 

    AMG-derived 7.3 L V12 ซึ่งมีความเร็วถึง 214 ไมล์ต่อชั่วโมง เมื่อเอา Top ลง   

    ( เป็นรถ convertable) ซึ่ง รถคันนี้ยังไม่มีการตีราคา ที่แน่นอน

    แต่ทางบริษัท ได้พูดไว้ว่า มันจะเป็นรถขับเคลื่อนที่แพงที่สุดในโลกอย่างแน่นอน

    ซึ่งรถคันนี้จะจัดทำขึ้นจำนวนจำกัด แค่ 25 คันเท่านั้น...

    ต่อกันด้วย รองเท้าที่แพงที่สุดในโลก

    รองเท้าแก้วนางซินของเเท้ค่ะ อิอิ

    ราคา เน็ตๆ ที่ US$2 ล้าน

    รองเท้าส้นเรียวแหลมสูง 4 นิ้ว   

    ประดับด้วย 565 Platinum set Kwiat Diamon

    ซึ่งชุดนี้รวมไปด้วย เพชรเม็ดใสๆ 55 กะรัต และเพชรเม็ดเบ้ง 5 กะรัตอีก 1 เม็ด

    ผู้ดีไซน์มีชื่อว่า Stuart Weitzman ซึ่งผู้มีโอกาสสวมใส่คนแรกคือ

    Alison Krauss นักร้องที่ถูก เสนอชื่อขึ้นรับ รางวัล เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

    เค้าร้องเพลงประกอบ Cold Mountain อะ

    เค้าใส่ไปงานประกาศรางวัล ออสการ์ปี 2004

    โรงแรมที่แพงที่สุดในโลก
    โรงแรม 7 ดาว แห่งเดียวในโลกใบนี้


    Hummer Limo- ลีมูซีนโดยสารของคุณ

    Burj Al Arab "Tower of Arab"

    โรงแรมนี้เชื่อว่าเป็น โรงแรมที่แพงที่สุดและ ดีที่สุดในโลกก็ว่าได้ ซึ่ง โรงแรมนี้อะ

    เข้าไปฟรีๆเหมือน โรงแรมอื่นไม่ได้นะ แค่จะเข้าไปถ่ายรูปต้องเสียตังอะ   

    แล้วก็ มีรถ ลีมูซีนอย่างดี ไปรับไปส่งท่านถึงหน้าประตูโรงแรมค่ะ

    เชื่อว่า ถ้า เค้าหาวิธีที่จะไปส่งท่านถึงเตียงได้โดยท่านไม่ต้องเดินเค้าก็คงทำไปแล้ว 55

    โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่ทำให้ Dubai ขึ้นชื่อประเทศ ท่องเที่ยว เลยนะ   

    คิดดูสิ สำคัญไฉน

    ซึ่ง โรงแรมนี้ เนี่ย ไม่ได้มีห้องพักแบบธรรมดานะคะ ทุกห้องเป็น Suite หมด   

    ห้องที่เล็กที่สุด กินเนื้อที่ถึง 169 ตารางเมตรแน่ะ

    ห้องที่ใหญ่สุดก็กว่า 780 ตารางเมตร ซึ่ง ราคาที่พัก เริ่มต้นที่ US$1000-US$15000

    The Royal suite ห้องที่แพงที่สุดราคาตกที่ US$28000 ต่อคืนนะ

    และเป็นโรงแรมที่มี โถง Lobby สูงที่สุดด้วยค่ะ สูง 590 ฟุต

    ห้างที่แพงที่สุดในโลก

    อยู่ที่ Dubai อีกแล้วค่ะและยังเป็น ห้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วยนะ

    สวนน้ำที่แพงที่สุดในโลก

    สวนน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ Jumeirah Beach Hotel ค่ะ   

    ใน Dubai อีกละ แต่มันสวยสมชื่อจิงๆนะ   

    กรี๊ดๆๆ อยากไป Dubai

    กระสุนที่แพงที่สุดในโลก

    ทำมาจาก ทองคำขาว 14K 

    หัวคือเม็ดพลอยสีม่วงล้อมรอบด้วย เพชรเม็ดน้อยที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีอีก 90 เม็ด

    แน่นอนค่ะ มันเป็นทองคำขาว มันคงไมได้ทำมาเพื่อยิงนะ   

    มันใช้ห้อยคอค่ะ

    ซึ่งถ้ามองข้างๆมันจะเป็นแบบนี้

    ต่อกันด้วย Hello Kitty ที่แพงที่สุดในโลก Hehe

    ตัวนี้ราคาอยู่ที่ US$91900 ค่ะจัดทำขึ้นเพื่อ ฉลอง   

    30 ปี Hello Kitty

    ทำมาจาก Platinum และ เพชร+ เพชรสีชมพู

    TV ที่แพงสุดในโลก

    ผลิตโดย บริษัทในประเทศอิตาลี่ชื่อว่า KeyMat

    TV นี้ฝัง เพชร 20K ทั้งหมด 160 เม็ด!!

    และ ไม่มีรอยตะปู หรือรอยประกอบที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าด้วย   

    ราคาอยู่ที่ 100000 เหรียญ ยุโรป

    thks forward mail